การสัมภาษณ์เชิงลึก คืออะไร?

การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) คือกระบวนการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพที่ผู้วิจัยใช้สัมภาษณ์ผู้ให้ข้อมูลอย่างละเอียดและลึกซึ้ง เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ครอบคลุมและเจาะลึกในประเด็นที่สนใจ โดยผู้วิจัยจะตั้งคำถามเปิดและปล่อยให้ผู้ให้ข้อมูลได้แสดงความคิดเห็นหรือเล่าประสบการณ์อย่างเต็มที่ ซึ่งการสัมภาษณ์เชิงลึกมักใช้ในการวิจัยที่ต้องการเข้าใจทัศนคติ ความรู้สึก แรงจูงใจ หรือประสบการณ์ส่วนบุคคล ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้ผู้วิจัยได้ข้อมูลที่มีความลึกซึ้งและซับซ้อนมากกว่าการเก็บข้อมูลด้วยแบบสอบถามหรือการสัมภาษณ์แบบปิด

การสัมภาษณ์เชิงลึก มีประโยชน์อย่างไร?

การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) มีประโยชน์หลายประการ ได้แก่ ด้านความลึกซึ้งของข้อมูล เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกช่วยให้ผู้วิจัยได้ข้อมูลที่ละเอียดและเจาะลึกเข้าไปในความคิด ความรู้สึก และประสบการณ์ส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูล ซึ่งมักจะไม่สามารถได้จากการเก็บข้อมูลแบบอื่น เช่น แบบสอบถาม ด้านความยืดหยุ่นในการเก็บข้อมูล เพราะผู้วิจัยสามารถปรับเปลี่ยนคำถามหรือเจาะลึกประเด็นเพิ่มเติมตามความจำเป็นได้ ทำให้สามารถค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมได้ระหว่างการสัมภาษณ์ ด้านการเข้าใจบริบทและประสบการณ์ เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกช่วยให้ผู้วิจัยเข้าใจบริบทที่ส่งผลต่อทัศนคติและพฤติกรรมของผู้ให้ข้อมูล รวมถึงเข้าใจประสบการณ์และแรงจูงใจที่อยู่เบื้องหลังการตัดสินใจหรือความรู้สึกต่าง ๆ ด้านความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้วิจัยและผู้ให้ข้อมูล เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกช่วยสร้างความไว้วางใจและความผูกพันระหว่างผู้วิจัยและผู้ให้ข้อมูล ทำให้ผู้ให้ข้อมูลรู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยข้อมูลที่ลึกซึ้งหรือเป็นส่วนตัว ด้านการค้นพบข้อมูลใหม่ ๆ เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกสามารถเปิดโอกาสให้ผู้วิจัยค้นพบข้อมูลหรือประเด็นที่ไม่คาดคิดมาก่อน ซึ่งอาจนำไปสู่การพัฒนาสมมติฐานหรือทฤษฎีใหม่ ๆ ได้ และด้านการสนับสนุนการวิจัยเชิงคุณภาพ เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิจัยเชิงคุณภาพที่เน้นการเข้าใจปัญหาหรือปรากฏการณ์ในเชิงลึก มากกว่าการวัดปริมาณหรือหาความถี่ ดังนั้น ด้วยคุณประโยชน์เหล่านี้ การสัมภาษณ์เชิงลึกจึงเป็นวิธีการที่นิยมใช้ในงานวิจัยที่ต้องการข้อมูลเชิงคุณภาพและต้องการเข้าใจประสบการณ์ของผู้ให้ข้อมูลในเชิงลึก

ข้อคำถามการสัมภาษณ์เชิงลึก ที่ดีควรเป็นอย่างไร?

การตั้งคำถามสำหรับการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะคำถามที่ดีจะช่วยให้ผู้วิจัยได้ข้อมูลที่มีคุณค่าและลึกซึ้ง ข้อคำถามที่ดีสำหรับการสัมภาษณ์เชิงลึกควรมีลักษณะเป็นคำถามเปิด (Open-ended) ซึ่งช่วยให้ผู้ให้ข้อมูลสามารถแสดงความคิดเห็นหรืออธิบายประสบการณ์ได้อย่างอิสระและละเอียด เช่น “คุณคิดอย่างไรเกี่ยวกับ…?” หรือ “กรุณาเล่าประสบการณ์ของคุณเกี่ยวกับ…?” มีความชัดเจนและไม่ซับซ้อน เป็นคำถามควรสื่อสารได้ชัดเจน เข้าใจง่าย และไม่ใช้ภาษาที่ซับซ้อน เพื่อให้ผู้ให้ข้อมูลเข้าใจและสามารถตอบได้ตรงประเด็น ไม่เป็นคำถามชี้นำ คำถามควรเป็นกลาง ไม่ชี้นำหรือชักจูงให้ผู้ให้ข้อมูลตอบในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เช่น หลีกเลี่ยงคำถามที่เริ่มด้วย “คุณเห็นด้วยไหมว่า…?” เพราะอาจทำให้ผู้ให้ข้อมูลรู้สึกถูกชักจูง มุ่งเน้นความลึกซึ้งและรายละเอียด คำถามควรเจาะลึกในประเด็นที่สนใจเพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึก เช่น “ทำไมคุณถึงรู้สึกเช่นนั้น?” หรือ “มีปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้คุณตัดสินใจเช่นนั้น?” สร้างความต่อเนื่องในบทสนทนา โดยคำถามควรสร้างความต่อเนื่องในการสนทนา และใช้คำถามติดตาม (Follow-up questions) เพื่อเจาะลึกในรายละเอียดที่น่าสนใจเพิ่มเติม เช่น “คุณช่วยอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ไหม?” สอดคล้องกับวัตถุประสงค์การวิจัย โดยคำถามควรเชื่อมโยงกับวัตถุประสงค์และประเด็นที่ผู้วิจัยต้องการศึกษา เพื่อให้การสัมภาษณ์ได้ข้อมูลที่มีความหมายและเป็นประโยชน์ต่อการวิเคราะห์ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ แม้จะมีการเตรียมคำถามไว้ล่วงหน้า แต่ผู้วิจัยควรมีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยนคำถามหรือเสริมคำถามใหม่ตามสถานการณ์ เพื่อให้การสัมภาษณ์เป็นธรรมชาติและตอบโจทย์ความสนใจของผู้วิจัย ดังนั้น การตั้งคำถามที่ดีจะช่วยให้การสัมภาษณ์เชิงลึกมีประสิทธิภาพ และสามารถนำไปสู่การเก็บข้อมูลที่ลึกซึ้งและมีคุณค่าต่อการวิจัย

การสัมภาษณ์เชิงลึก มีจุดเด่นอย่างไร?

การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) มีจุดเด่นหลายประการที่ทำให้เป็นวิธีการวิจัยที่มีประสิทธิภาพและเป็นที่นิยมในงานวิจัยเชิงคุณภาพ ได้แก่ ด้านความสามารถในการเก็บข้อมูลที่ลึกซึ้งและละเอียด เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกช่วยให้ผู้วิจัยได้รับข้อมูลที่มีรายละเอียดมากขึ้นเกี่ยวกับความคิด ความรู้สึก ทัศนคติ และประสบการณ์ส่วนบุคคลของผู้ให้ข้อมูล ซึ่งสามารถนำไปสู่ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่า ด้านความยืดหยุ่นในการสัมภาษณ์ เพราะผู้วิจัยสามารถปรับเปลี่ยนคำถามหรือเส้นทางของการสัมภาษณ์ได้ตามความเหมาะสมระหว่างการสัมภาษณ์ ทำให้สามารถเจาะลึกในประเด็นที่น่าสนใจหรือสำคัญได้ทันที ด้านการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์กับผู้ให้ข้อมูล เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกมักใช้เวลาและความใส่ใจในการสนทนา ทำให้ผู้ให้ข้อมูลรู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยข้อมูลที่ซับซ้อนหรือมีความสำคัญส่วนตัว ด้านการเข้าใจบริบทและความหมายของข้อมูล เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกช่วยให้ผู้วิจัยเข้าใจบริบททางสังคม วัฒนธรรม หรือส่วนบุคคลที่มีผลต่อการกระทำหรือความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูล ทำให้ได้ข้อมูลที่มีความหมายมากขึ้น ด้านการเปิดโอกาสในการค้นพบข้อมูลใหม่**: เนื่องจากการสัมภาษณ์เชิงลึกสามารถทำให้เกิดการสนทนาที่เป็นธรรมชาติและมีความลึกซึ้ง จึงมีโอกาสสูงที่จะค้นพบข้อมูลหรือประเด็นใหม่ ๆ ที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และด้านการสนับสนุนงานวิจัยเชิงคุณภาพ เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นเครื่องมือหลักในงานวิจัยเชิงคุณภาพที่มุ่งเน้นความเข้าใจในเชิงลึกเกี่ยวกับปรากฏการณ์ทางสังคม จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการศึกษาประเด็นที่ซับซ้อนและต้องการมุมมองที่ละเอียดอ่อน ซึ่งจุดเด่นเหล่านี้ทำให้การสัมภาษณ์เชิงลึกเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการวิจัย โดยเฉพาะเมื่อผู้วิจัยต้องการเข้าใจความคิดและประสบการณ์ของกลุ่มเป้าหมายในมิติที่ลึกซึ้งและซับซ้อน

การสัมภาษณ์เชิงลึก มีข้อจำกัดอย่างไร?

แม้ว่าการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) จะมีข้อดีหลายประการ แต่ก็มีข้อจำกัดที่ควรพิจารณาเช่นกัน คือ ด้านความยากในการวิเคราะห์ข้อมูล เนื่องจากข้อมูลที่ได้จากการสัมภาษณ์เชิงลึกมักเป็นข้อมูลเชิงคุณภาพและมีความซับซ้อน การวิเคราะห์ข้อมูลจึงใช้เวลาและความพยายามมาก และอาจต้องการทักษะเฉพาะด้านในการตีความและจัดหมวดหมู่ข้อมูล เพราะปริมาณข้อมูลที่มาก เนื่องจากการสัมภาษณ์เชิงลึกมักจะสร้างข้อมูลจำนวนมาก เนื่องจากการสัมภาษณ์มีความยาวและรายละเอียดสูง ซึ่งอาจทำให้การจัดเก็บและการจัดการข้อมูลเป็นเรื่องท้าทาย รวมถึงความยากในการขยายผลลัพธ์ เนื่องจากการสัมภาษณ์เชิงลึกมักมุ่งเน้นไปที่กลุ่มเป้าหมายขนาดเล็กและเป็นการศึกษาเชิงลึก ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่สามารถนำไปขยายผลหรือทั่วไปในกลุ่มประชากรขนาดใหญ่ได้อย่างแม่นยำ อีกทั้ง ความอคติของผู้สัมภาษณ์เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกอาจถูกกระทบจากความอคติของผู้สัมภาษณ์ เช่น ทัศนคติส่วนตัวหรือวิธีการตั้งคำถาม ซึ่งอาจส่งผลต่อทิศทางของการสนทนาและการตีความข้อมูล นอกจากนี้ ต้นทุนและเวลาจากการสัมภาษณ์เชิงลึกต้องใช้เวลาในการเตรียมการ สัมภาษณ์ และวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งอาจทำให้เป็นกระบวนการที่มีต้นทุนสูงเมื่อเปรียบเทียบกับวิธีการเก็บข้อมูลอื่น ๆ และความยากในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย เพราะในบางกรณีการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการสัมภาษณ์เชิงลึกอาจเป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะถ้ากลุ่มเป้าหมายเป็นกลุ่มที่มีลักษณะเฉพาะหรือไม่ค่อยเปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ดังนั้น ข้อจำกัดเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกใช้การสัมภาษณ์เชิงลึกในการทำวิจัย อย่างไรก็ตาม หากมีการวางแผนและจัดการอย่างดี การสัมภาษณ์เชิงลึกยังคงเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการเก็บข้อมูลเชิงลึก

การสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) เหมาะสำหรับงานวิจัยที่ต้องการเก็บข้อมูลเชิงคุณภาพและเข้าใจประสบการณ์ ทัศนคติ และความคิดเห็นของผู้ให้ข้อมูลในเชิงลึก โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่ข้อมูลเชิงปริมาณไม่สามารถให้ภาพรวมที่ชัดเจนหรือครอบคลุมได้ ซึ่งงานวิจัยที่เหมาะสมกับการใช้การสัมภาษณ์เชิงลึก ได้แก่

  1. งานวิจัยเชิงสำรวจความคิดเห็นและทัศนคติ เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกเหมาะสำหรับการสำรวจความคิด ความรู้สึก และทัศนคติของบุคคลต่อประเด็นต่าง ๆ เช่น ความคิดเห็นเกี่ยวกับนโยบายสาธารณะ การใช้บริการ หรือผลิตภัณฑ์เฉพาะ
  2. งานวิจัยเกี่ยวกับประสบการณ์ส่วนบุคคล เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกช่วยให้ผู้วิจัยเข้าใจประสบการณ์ชีวิตของบุคคล เช่น การศึกษาความรู้สึกของผู้ป่วยต่อการรักษา การวิจัยเกี่ยวกับประสบการณ์ของผู้ย้ายถิ่น หรือการศึกษาประสบการณ์ของพนักงานในองค์กร
  3. งานวิจัยที่ต้องการเข้าใจบริบททางสังคมและวัฒนธรรม เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกมีประโยชน์ในการศึกษาเรื่องราวหรือปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในบริบททางสังคมและวัฒนธรรมเฉพาะ เช่น การศึกษาวัฒนธรรมองค์กร พฤติกรรมของชุมชน หรือการศึกษาวิถีชีวิตในพื้นที่เฉพาะ
  4. งานวิจัยที่ต้องการพัฒนาความรู้ใหม่ ทฤษฎีหรือสมมติฐานใหม่ เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกช่วยให้ผู้วิจัยสามารถค้นพบข้อมูลหรือมุมมองใหม่ ๆ ที่อาจนำไปสู่การพัฒนาทฤษฎีหรือสมมติฐานใหม่ได้
  5. งานวิจัยที่ต้องการเจาะลึกในประเด็นที่ซับซ้อน เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกเหมาะกับการวิจัยในประเด็นที่ซับซ้อน เช่น การสำรวจสาเหตุของปัญหาสังคม การเข้าใจปัญหาความขัดแย้ง หรือการวิจัยเกี่ยวกับปัจจัยที่ส่งผลต่อพฤติกรรมเฉพาะ
  6. งานวิจัยในกรณีศึกษาหรือการวิจัยแบบการวิเคราะห์กรณี เพราะการสัมภาษณ์เชิงลึกมักใช้ในกรณีศึกษาที่ต้องการวิเคราะห์เหตุการณ์ บุคคล หรือกลุ่มที่เฉพาะเจาะจงในเชิงลึก เพื่อให้เข้าใจรายละเอียดและปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับกรณีนั้น ๆ

ด้วยความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลที่ลึกซึ้งและซับซ้อน การสัมภาษณ์เชิงลึกจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญสำหรับงานวิจัยเชิงคุณภาพที่ต้องการเข้าใจปรากฏการณ์ในมิติที่ลึกกว่า